วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Holland...in my memory

ก่อนที่ มัลติไพล์ จะสูญสิ้น  ....T^T
พยายามสูบรูป สูบความทรงจำบางส่วน  มาเก็บไว้ 


 
***เคลีย พท ใน คอม ค่า เลยเอารูปมาเก็บไว้ที่นี่ เป็น ความทรงจำดี ดี ว่าครั้งหนึ่งเคยโชคดีได้ไป Holland 
 ------------------------------------------------------------------------------------

  พย. ปี 2549 และ เม.ย ปีนี้ 2551 ได้มีโอกาสไปร่วมงานประมูลเครื่องจักรมือสอง ของ Moerdijk RB Auctions @ The Netherlands (Holland)
ปี 49 ..เป็นการเดินทางออกนอกประเทศคนเดียว ครั้งแรกในชีวิตเลยทีเดียว .. (ครั้งแรกที่ขึ้นเครื่องบินและครั้งแรกที่ไปต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่น ตอนนั้นไปกับพี่ที่บริษัท) 

  ไปกับ Motoki-san แต่ Motoki-san บินตรงจากญี่ปุ่น เรานัดเจอกันที่โรงแรมที่ Bologna Italy เช้าอีกวันเลย เพราะเราถึงประมาณบ่ายๆ แต่พี่โมถึงเกือบเที่ยงคืนได้ ตอนนั้น เครียดมาก....และ กลัวมาก.... เพราะไม่เคยเดินทางคนเดียว ภาษาอังกฤษก็แค่พอถูไถ ยิ่งพอไปอ่าน คู่มือท่องเที่ยว.. และ จากคำบอกเล่าของเพื่อนและประสบการณ์ของนาย .. ทั้ง Italy & Holland น่ากลัวมากเรื่องอาชญากรรมกับนักท่องเที่ยว (แต่จริงๆบ้านเราก็ใช่ย่อย เนอะ...) 

***ลองไปหาหนังสือมาอ่านดูนะคะ .. อ่านแล้วหลอนไม่อยากไปสุดๆ 

 

  ที่กลัวอีกเรื่องคือ..ปลายทางแรกเป็น Bologna Italy แต่ไม่มี Flight ตรง ต้องไปถ่ายลำที่ Schiphol Airport, (Amsterdam) .. ..กลัวออกผิดประตู เข้าผิดประเทศ...(-_-") คือตอนนั้นมันหลอน กลัวไปทุกสิ่ง คิดไปล่วงหน้า จริงๆก็ไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญอะไร... 


Motoki-san ปลอบใจเราก่อนไป ว่า ...
 
   "Don't worry Oui-chan, it'll be okay coz you can speak English so you'll not get lost."  
**บ.มีสองออย เค้าเลยตั้งชื่อไม่ให้เหมือนกัน oui ภาษาญี่ปุ่น ออกเสียงว่า โออิ.. หรือ โอย. ค่า** 

  หึ หึ ก็เพราะภาษาอังกฤษอันน้อยนิดนี่แหละ แถมประเทศแรกที่เข้าพัก ดันเป็นเมืองเล็กๆในอิตาลี ซึ่งคุณแท็กซี่มิสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ .. เล่นภาษาใบ้กันอยู่นานพอดู..กว่าจะไปถึง โรงแรม ..โชคดีที่เตรียมพร้อม ทั้งชื่อโรงแรมและแผนที่ เหอ เหอ.... เข้าโรงแรม ใช้การ์ดเปิดไฟยังไม่เป็น พนง. ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ..แต่..... ภาษามือช่วยด้ายยยย....
 

ปล. ตอนนั่งเครื่องบินจาก Schiphol ไป Bologna .. ต้องผ่านเทือกเขาอะไรสักอย่างของสวิสฯ.. เทือกเขาสีเทาๆ คาดว่าเป็นหิน มีหิมะปกคลุมเล็กน้อย ..ทอดตัวยาวกินอาณาเขตกว้างมากๆ.. ดูอลังการและน่าทึ่งสุดๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป ...
 

  ที่อิตาลี ..คนบ้านเค้าแต่งตัวกันแนวแฟชั่น..ดูสวยดูหล่อกันไปหมด ทุกคนจะยิ้มแย้มแจ่มใสและดูเหมือนจะมีน้ำใจ (แต่เท่าที่ฟังๆมา เค้าบอกว่า เชื่อถือมากไม่ได้ ปากหวานก้นเปรี้ยว .. จริงหรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน) การเดินทางส่วนใหญ่ต้องนั่งรถไฟและTaxi .. ไม่น่าเชื่ออยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว ยังไม่เคยนั่งรถไฟ (รถไฟ ที่เป็น Train ...ไม่ใช่ sky way หรือ subway) .. นั่งครั้งแรกในชีวิตก็ไฮโซ นั่งซะไกลถึง อิตาลี อิ อิ อิ รถไฟที่ยุโรป ตรงเวลามากๆ ..ช้าไปแค่ 1-2นาที ก็พลาดไปเลย แล้วถ้าเราไม่รู้ว่าป้ายไหนคือจุดที่เราจะลง เราก็แค่ดูarrival time ที่สถานีปลายทางของเรา ว่าถึงกี่โมง ถ้าเวลานั้นเค้าจอดที่ป้ายไหน ก็ป้ายนั้นล่ะที่เราจะลง ..เพราะรถไฟบางขบวน ไม่มีทั้งประกาศและไม่มีจอ LCD ให้ดูว่า เราอยู่ที่ป้ายไหน ต้องสังเกตป้ายที่สถานีเอา


 

    ปรกติอยู่ที่ไทย ก็ชอบกินพวก ชีส ขนมปัง สเต็ก..แฮมเบอร์เกอร์.. บลาๆๆ แต่พอไปประเทศเค้าจริงๆ แค่1-2 วัน ได้กลิ่นขนมปังกะเนยไม่ได้เลย ..เลี่ยนมาก..คิดถึงซุปร้อนๆ ผัก ผลไม้ และ อาหารรสจัดเป็นที่สุด .. ไป4-5วัน น้ำหนักลงอ่าค่า...เบื่ออาหารอย่างแรงงงง .... ก็นะ .. แซนวิส กะ แฮมเบอร์เกอร์บ้านเค้าเป็นแบบแห้งๆ ไม่ได้ชุ่มซอสแบบบ้านเรา สเต็กก็ไม่ได้มีซอสเพิ่มเค้าให้มายังไงก็ต้องทานไปอย่างนั้น ..จืดสิ้นดี โชคดี ที่ครั้งนั้น พี่โม เค้าคงสมเพชปนสงสาร บอกคุณTaxi ให้หาร้านอาหารไทยให้หน่อย ซึ่งไม่มีหรอกค่ะ ในเมืองเล็กๆอย่าง Bologna .. สุดท้ายก็ต้องพึ่ง ร้านอาหารจีน กะ เวียดนาม.. แต่ก็พอช่วยชีวิตได้.. (แอบตุนขนมไปเพียบเหมือนกัน กระเป๋าใบเล็กนิดเดียว แต่ยัดเสื้อผ้าและ ..ของกินไปแน่นเอี๊ยด .. จนพี่โมสงสัย ว่าอีนี่ทำไปได้ยังไง.. อิ อิ)  

ปล. คุณTaxi แอบค่อนขอด ว่าพวกยูนี่แปลกนะ มาอิตาลีแต่หาร้านอาหารไทย.. แถมพี่โมยังบอกอีกว่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบอาหารอิตาเลี่ยน และ ใฝ่ฝันอยากจะมาทานที่อิตาลี แต่........ปนัดดา อยากกินอาหารไทย ในอิตาลี ... เหอ เหอ เหอ ...ผิดตรงไหนอ่า .....ก็ช้านมันคนไทย...รักในอาหารไทย..
 

  ช่วงเดือนพย กลางวันสั้นกว่ากลางคืน 4-5โมงเย็นก็มืดแล้ว ก็เลยไม่ได้เห็นอะไรมากมาย .. ที่อิตาลีกลางคืนก็ใช้เวลาไปกับการหาอาหารรสจัด..ทาน (-_-") .. ที่ ฮอล์แลนด์ ก็อาศัยนั่งรถไฟ ไปเดินเล่นที่ Rotterdam 1 คืน และ Amsterdam อีก 1 คืน..
ปี 51 ครั้งที่สองไป ช่วงเดือนเมษา คราวนี้ไปกะพี่ที่บริษัท.. สบายหน่อย ..แต่คราวนี้ไปแค่ ฮอล์แลนด์ การเดินทางและสถานที่คุ้นเคยหมดแล้ว ..ทุกอย่างเลย สบายๆ..แถมไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ..อากาศไม่หนาวมากเหมือน พย. (ตอนนั้นต่ำกว่า10องศา) และทีสำคัญมี ดอกไม้สวยๆให้ดู ...

   


  เดือน เมษา กลางวันยาวกกว่ากลางคืน พระอาทิตย์ตกตอน 3 ทุ่ม..ก็เลยมีเวลาไปเดินเที่ยวเล่น เราพักกันที่ Roosendaal ซึ่งอยู่ใกล้กับเบลเยี่ยม ก็เลยถือโอกาสไปเหยียบสักหน่อย นั่งรถไฟไปลงที่ Antwerp. Central Sta. แต่รู้สึกว่า ว่ามันน่ากลัวอะ ..ดูไม่ค่อยปลอดภัยยังไงไม่รู้ ไม่เหมือนที่ Roosendaal เมืองเล็กๆ เงียบๆ ผู้คนดูน่ารัก และ น่าไว้ใจ .. อารมณ์ที่ไปเดินที่ Antwerp มันเหมือนกับเราไปเดินในอเมริกา ซึ่งอาจจะโดนขู่กรรโชกได้ (ไม่เคยไปหรอกค่ะ อเมริกา แต่พี่ที่ไปด้วยเค้าบอกอย่างนี้ พี่เค้าเคยโดน คนผิวดำเดินตามไปไถเงินถึงในโรงแรมเลย น่ากลัวสุดๆ) ช่วงที่ไป เป็นช่วงวันเกิด ...เวลา 0:00 น ของเกิด (25 เม.ย) กำลังอยู่บนรถไฟที่จะไปเบลเยียมพอดี วันเกิดปีนี้ รู้สึกเหงาและเศร้ามากๆ คืนนั้นนอนร้องไห้ทั้งคืน... ปี 51...ปีนี้ทั้งปี เป็นปีที่เลวร้ายมากๆสำหรับออย ปีที่เต็มไปด้วยน้ำตา.. หวังว่าปีหน้า ปี 52 จะเป็นปีที่ดีมากกว่านี้ สาธุ ....